โรคเกาต์เกิดจากอะไรกันแน่ ?!
“โรคเกาต์” เป็นหนึ่งในโรคที่คนไทยรู้จักกันดี โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุที่มักมีอาการปวดตามไขข้อ หลายคนเข้าใจว่าอาการของโรคนี้เกิดจากการรับประทานสัตว์ปีกหรือเครื่องในสัตว์มากจนเกินไป บ้างก็บอกว่าโรคนี้เป็นอาการที่ติดมาทางพันธุกรรม เรามาทำความรู้จักกันค่ะว่าโรคเกาต์ที่จริงแล้วมีสาเหตุมาจากอะไรกันแน่
ที่มาสาเหตุของการเกิดโรคเกาต์
โรคเกาต์เกิดจากความผิดปกติ ในขบวนการเมตะบอลิสซึมของกรดยูริกในร่างกาย เป็นผลให้กรดยูริกในเลือดมีค่าสูงมากกว่าปกติ แล้วเกิดการตกตะกอนเป็นผลึกเกลือยูเรต(mono sodium urate) สะสมในเนื้อเยื่อต่าง ๆ ของร่างกาย มีลักษณะเป็นก้อนปูดออกมาบริเวณผิวหนังรอบ ๆ ข้อ เรียกว่า
“ปุ่มโทฟัส”
ซึ่งภาวะกรดยูริกสูงเป็นผลพวงมาจากการขาดยีน(Gene) ที่ทำหน้าที่สลายกรดยูริก หรือร่างกายมีการขับกรดยูริกออกน้อยลง ซึ่งกรดยูริกเหล่านี้ก็เข้าสู่ร่างกายของเราได้จากการสลายโปรตีน หรือทานอาหารที่มีพิวรีนสูงจำพวกเครื่องในสัตว์ สัตว์ปีก และอาหารทะเล ดังนั้นจึงเป็นที่มาของความคิดที่ว่าโรคเกาต์มาจากอาหารประเภทนี้ค่ะ
การรักษาโรคเกาต์นั้นเราจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ
1. การใช้ยา โดยใช้ยาลดกรดยูริก ทำให้ผลึกเกลือยูเรตที่สะสมตามเนื้อเยื่อต่าง ๆ ของร่างกายละลายออกมา เพื่อรักษาระดับกรดยูริกในเลือดให้ต่ำ ยาที่ลดระดับกรดยูริกมี 2 ชนิดคือ
- ยาเร่งการขับกรดยูริกออกทางไต ได้แก่ ยาโพรเบเนซิด ยาเบนซ์โบรมาโรน และยาซัลฟิลพัยราโซน
- ยายับยังการสร้างกรดยูริก ได้แก่ ยาAllopurinol ซึ่งการให้ยาลดกรดยูริกจะต้องปรับขนาดยาสม่ำเสมอ
2.. การไม่ใช้ยา
- ลดน้ำหนักถ้ามีน้ำหนักตัวมากเกินไป
- ดื่มน้ำให้มากเพื่อช่วยการขับกรดยูริกออกทางไต
- งดการดื่มสุรา และแอลกอฮอล์ทุกชนิด
- ลดการทานอาหารประเภทเครื่องในสัตว์ สัตว์ปีก อาหารทะเล
*** ไม่จำเป็นต้องงดเนื่องจากมีการศึกษาพบว่า การทานอาหารที่ไม่มีสารพิวรีนเลยทำให้ระดับกรดยูริกในร่างกายลดลงเพียง 1.0 มิลลิกรัม/เดซิลิตร เท่านั้น ***
ข้อปฏิบัติที่เหมาะสมเพื่อป้องกันโรคเกาต์กำเริบ
- สอบถามปรึกษาแพทย์เพื่อได้รับการรักษา และวิธีปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง
- ทานยาสม่ำเสมอ ไม่ควรหยุดยา ปรับขนาดยา หรือซื้อยาทานเอง เพราะอาจควบคุมโรคได้ไม่ดี หรือพบอาการแพ้ยาได้ หากพบอาการผิดปกติให้ปรึกษาแพทย์
- ติดตามการรักษาอย่างสม่ำเสมอตามที่แพทย์นัด เพื่อดูระดับกรดยูริก ตลอดจนการทำงานของตับ และไต ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนยาตามความเหมาะสม
- หากมีโรคแทรกซ้อน ควรนำยาที่ทานอยู่ไปให้แพทย์ดูทุกครั้ง
- งดดื่มแอลกอฮอล์
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรออกกำลังกายที่กระแทกข้อรุนแรง
- ไม่ควรบีบ นวด ดู บริเวณข้อ เพราะอาจทำให้ข้ออักเสบได้
- รับประทานอาหารให้ครบหมู่ และดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 2–3 ลิตร
**อย่างไรก็ตามโรคเกาต์นั้นสามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่การรักษาที่ไม่ถูกทางอาจทำให้โรครุนแรงขึ้น ฉะนั้นควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการปฏิบัติตัว และรับยาที่ถูกต้อง รวมถึงการให้ความร่วมมือในการักษา และติดตามนัดอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้โรคนั้นดีขึ้นค่ะ***